จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนที่เริ่มรับข่าวสารความรู้ ความบันเทิงผ่านโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น ความนิยมของวิดีโอก็เพิ่มมากขึ้นไปพร้อมๆกันด้วย เพราะการสื่อสารในรูปแบบของวิดีโอสร้างความสนุก ความน่าสนใจ และเข้าถึงผู้รับชมได้ง่าย ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ชื่นชอบคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอมากกว่ารูปภาพ หรือข้อความธรรมดาๆ ถึงแม้ว่าจะมีผู้รับชมวิดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน แต่นักการตลาด และผู้ประกอบการบางส่วนยังไม่ได้ใช้วิดีโอเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด เพราะยังไม่เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Video Marketing
ยอดผู้รับชมวิดีโอคอนเทนต์บน Facebook ทั่วโลก เฉลี่ยต่อวันมากกว่า 8 พันล้านครั้ง และใช้เวลารับชมวิดีโอ 100 ล้านชั่วโมงต่อวัน
สถิติจากการรวบรวมข้อมูลของ Facebook นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมของผู้ใช้โซเชียลมีเดียมีความชื่นชอบในการรับชมคอนเทนต์ประเภทวิดีโอสูงมาก ด้วยจำนวนการรับชมวิดีโอเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 8 พันล้านครั้ง และการดูวิดีโอ 100 ล้านชั่วโมงทุกวัน เป็นหลักฐานว่าวิดีโอคอนเทนต์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกออนไลน์ไปแล้ว และเป็นข้อย้ำเตือนให้ทุกธุรกิจหันมาสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอมากขึ้น
72% ของผู้บริโภคชอบเรียนรู้สินค้าและบริการผ่านวิดีโอมากกว่าข้อความ
จากการรวบรวมข้อมูลสถิติของเว็บไซต์ Wyzowl เมื่อมีการนำเสนอข้อความและวิดีโอในหน้า
เดียวกัน 72% ของผู้คนต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้า และบริการผ่านวิดีโอมากกว่า แม้ว่าบางครั้งการดูวิดีโออาจไม่รวดเร็วเท่าการอ่านคำอธิบายก็ตาม ทั้งนี้เพราะวิดีโอคอนเทนต์ช่วยให้ผู้รับชมรู้สึกเพลิดเพลิน รวมถึงเห็นภาพคุณลักษณะของสินค้า และบริการได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกเหนือจากนี้ 83% ของผู้บริโภคมักจะแชร์วิดีโอต่อให้เพื่อนๆเมื่อวิดีโอที่รับชมนั้นถูกใจและอยากบอกต่อ ซึ่งเป็นการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และการมีส่วนร่วม (Engagement) กับแบรนด์ด้วย
จากเดิมที่หลายๆท่านเคยทำคอนเทนต์ในรูปแบบข้อความหรือรูปภาพ จึงควรลองสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ เพราะมีโอกาสที่จะสร้างการมีส่วนร่วม(Engagement) การจดจำแบรนด์(Brand Awareness) ได้มากกว่า และสามารถถ่ายทอดสิ่งที่เราต้องการสื่อสารออกไปได้ดีกว่า อีกทั้งยังสามารถอธิบายเนื้อหาที่เข้าใจยากให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นด้วยค่ะ
53% ของผู้บริโภคมีการโต้ตอบ (Engagement) กับแบรนด์หลังจากรับชมวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าวิดีโอคอนเทนต์ สร้าง Engagement ให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี จากการสำรวจการตลาดผ่านวิดีโอในปี 2018 ของ Brightcove พบว่าผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (53%) มีส่วนร่วมกับแบรนด์ (Engagement) หลังจากรับชมวิดีโอของแบรนด์นั้นๆบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะสำหรับเจเนอเรชัน Millennials (ผู้ที่เกิดในช่วงต้นปีคศ.1980 จนถึงปลายค.ศ.1990 ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับการพัฒนาของออนไลน์ และเทคโนโลยี) ตัวเลขสถิตินี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็น 66%
ในส่วนของวิธีที่ผู้คนมีส่วนร่วมกับแบรนด์ (Engage) หลังจากดูวิดีโอพบว่า 20% เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของแบรนด์ อีก 20% ทำการค้นหาศึกษาเกี่ยวกับแบรนด์ต่อ ยิ่งไปกว่านั้น 23% ของผู้คน (30% ของ Millennials) ต้องการวิดีโอพร้อมลิงก์ที่ทำให้พวกเขาสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ได้ทันที ซึ่งตอกย้ำว่า Video Marketing เป็นรูปแบบการตลาดที่มีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ผู้รับชมรู้สึกอยากทำความรู้จักกับแบรนด์ และสนใจในสินค้ามากขึ้น ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ธุรกิจได้อย่างดีเยี่ยม
46% ของผู้บริโภครับชมวิดีโอโฆษณาผ่านช่องทางบนโซเชียลมีเดียมากกว่าโทรทัศน์
เนื่องจากพฤติกรรม หรือกิจวัติในการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป มีการรับข่าวสาร ความรู้ ความบันเทิง ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น จึงเป็นผลให้คอนเทนต์บนสื่อออฟไลน์มีการรับชมน้อยลงตามไปด้วย
จากการสำรวจของเว็บไซต์ Animoto แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคในปัจจุบัน 46% รับชมวิดีโอโฆษณาผ่านช่องทางบนโซเชียลมีเดียแทนการรับชมโฆษณาจากสื่อออฟไลน์อย่างโทรทัศน์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นแนวโน้มของวิดีโอโฆษณาบนโลกออนไลน์ที่เข้ามาทดแทนเกือบครึ่งหนึ่งของวิดีโอโฆษณาทั้งหมดแล้ว เป็นจุดเปลี่ยนของผู้ทำธุรกิจ ที่จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับโฆษณารูปแบบวิดีโอบนโลกออนไลน์มากขึ้น ก่อนที่จะสูญเสียลูกค้าบนโลกออนไลน์ไป
88% ของนักการตลาดพึงพอใจกับ ROI (Return of Investment) จาก Video Marketing บนโซเชียลมีเดีย
จากผลการสำรวจของเว็บไซต์ Animoto นักการตลาดส่วนใหญ่ (88%) พอใจกับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของ Video Marketing บนโซเชียลมีเดียของพวกเขา เมื่อถูกถามว่าคอนเทนต์ประเภทใดได้รับผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่ดีที่สุดในโซเชียลมีเดีย วิดีโอเป็นคำตอบยอดนิยม ซึ่งประมาณ 40% จัดให้เป็นอันดับ 1 และ 23% จัดให้เป็นอันดับที่ 2
จากตัวเลขผลการสำรวจดังกล่าว คงทำให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ รวมถึงนักการตลาดเห็นภาพความคุ้มค่าต่อการลงทุนกับการตลาดรูปแบบวิดีโอคอนเทนต์มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการวางกลยุทธ์ให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับธุรกิจของเราด้วยค่ะ
78% ของปริมาณข้อมูลบนมือถือในปี 2019 นี้ อยู่ในรูปแบบวิดีโอ
ในปี 2019 นี้ มีแนวโน้มที่จะเห็นวิดีโอประมาณ 78% ของปริมาณข้อมูลบนมือถือทั้งหมด แสดงว่าสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ผู้คนเลือกใช้เมื่อพูดถึงการบริโภคเนื้อหาวิดีโอ การสร้างวิดีโอแนวตั้งจึงเป็นกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์สำหรับนักการตลาดในปีนี้
เมื่อพูดถึงประเภทของวิดีโอที่ผู้คนรับชม ทางFacebookรายงานว่า ผู้ชมใช้เวลาในการดูวิดีโอสด (Live Video) มากกว่าวิดีโอรูปแบบทั่วไปประมาณสามเท่า วิดีโอสดอาจอยู่ในรูปแบบวิดีโอช่วยสอน วิดีโอรูปแบบถาม-ตอบ หรือวิดีโอถ่ายทอดเบื้องหลัง ซึ่งรูปแบบของวิดีโอสดสร้างการมีส่วนร่วมกับโพสผ่านความคิดเห็น ทำให้ลูกค้าหรือผู้ชมเข้าถึงสินค้า และบริการของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
จากหลายๆสถิติ ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้รับชมวิดีโอบน Facebook ต่อวันที่สูงมากๆ เปอร์เซ็นการรับชมวิดีโอโฆษณาบนสื่อโซเชียลแทนโทรทัศน์ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเปอร์เซ็นความพึงพอใจกับการลงทุนการตลาดรูปแบบดังกล่าว คงทำให้ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงนักการตลาดมองเห็นความสำคัญของ Video Marketing มากขึ้น อีกทั้งสถิติบางอย่างยังสร้างแนวทางเพื่อนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่น สถิติแสดงปริมาณเนื้อหาวิดีโอบนมือถือที่มากขึ้น เป็นแนวทางให้ธุรกิจเปลี่ยนแปลงมาทำวิดีโอในแนวตั้งให้เหมาะกับรูปแบบบนมือถือ เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน
ทางทีมงานหวังว่าความรู้เกี่ยวกับสถิติที่หยิบยกมานำเสนอนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน และช่วยย้ำเตือนให้ธุรกิจที่ยังไม่ลงมือทำ หันมาสร้างสรรค์คอนเทนต์รูปแบบวิดีโอ เพราะเรายังคงเชื่อว่า Video Marketing จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจก้าวกระโดด และประสบความสำเร็จได้ในอนาคตค่ะ
หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ทุกคนคงสนใจอยากเริ่มลงมือทำวิดีโอคอนเทนต์จริงๆกันแล้ว ดังนั้นใน Episode ถัดไป ทางทีมงานจะหยิบยกประเภทของวิดีโอ โดยแบ่งแยกตามขั้นตอนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า (Customer Journey) เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านเลือกใช้รูปแบบของวิดีโอได้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการมากที่สุด เนื้อหาข้อมูลจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามได้ใน Episode ถัดไปนะคะ