4 วิธีการจัดการข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบ (Customer Data Management)

4 วิธีการจัดการข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบ

ใคร ๆ ก็พูดถึงการใช้ Data เข้ามาช่วยในการทำการตลาด แต่นักการตลาดจะนำ Data มาปรับใช้อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์และ ตอบโจทย์ต่อการทำการสร้างแคมเปญ อันดับแรกของการทำ Data Marketing หลังการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ และ โซเชียลมีเดียของแบรนด์แล้ว คือการจัดการข้อมูลให้เป็นระเบียบ มีระบบ เพื่อดึงมาใช้ในอนาคตได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักการตลาดที่เริ่มต้นวางแผนนำข้อมูลลูกค้ามาปรับใช้กับกลยุทธ์การตลาด อาจเผชิญกับความท้าทายเมื่อเริ่มต้น โดยเว็บไซต์ dnb แสดงสถิติเกี่ยวกับประเด็นความท้าทายขององค์กรธุรกิจเมื่อเริ่มทำ Data Management ว่า 46% ของแบรนด์ไม่มีเทคโนโลยี หรือ เครื่องมือที่จัดการข้อมูลได้ดี และ 45% ของแบรนด์ให้ความสำคัญกับทรัพยากรไอทีมากกว่า

เว็บไซต์ dnb แสดงสถิติเกี่ยวกับประเด็นความท้าทายขององค์กรธุรกิจเมื่อเริ่มทำ Data Management ว่า 46% ของแบรนด์ไม่มีเทคโนโลยี หรือ เครื่องมือที่จัดการข้อมูลได้ดี
ภาพจาก dnb

ดังนั้นบทความนี้ STEPS Academy จะพาคุณไปดู 4 วิธีการจัดการข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบ และ Tips การใช้ Social Media เข้าช่วยวิเคราะห์ Data แบบเข้าใจง่ายกันค่ะ

 

การจัดการข้อมูล หรือ Customer Data Management คืออะไร

Customer Data Management (CDM) คือขั้นตอนการจัดการข้อมูลที่มีอยู่ในระบบไม่ว่าจะเป็นในเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และ แหล่งอื่น ๆ ที่ธุรกิจมีโดยเริ่มตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล การการจัดระเบียบข้อมูลให้เป็นระบบ หรือ แยกให้อยู่ในประเภทเดียวกัน เพื่อเลือกนำมาใช้ได้ดีขึ้นในอนาคต การวิเคราะห์ข้อมูล และ วิธีการนำเสนอข้อมูลให้น่าสนใจและเข้าใจง่าย ไปจนถึงการนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจทางกาตลาด ให้เกิดประโยชน์และตอบโจทย์กับเป้าหมายธุรกิจ

ทำไม Customer Data ถึงมีค่าต่อธุรกิจ

Customer Data เป็นเหมือนกับขุมทรัพย์ เนื่องจากข้อมูลที่ธุรกิจมี คือสิ่งที่แบรนด์สามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคต รวมทั้งสามารถนำไปใช้จุดบกพร่องที่เกิดขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยสามารถลิสต์ออกมาได้ทั้งหมด 5 ข้อดังนี้ค่ะ

4 วิธีการจัดการข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบ

1 Customer Data ช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นทั้งความต้องการของลูกค้า ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญ รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภค

2 Customer Data ช่วยสร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น

3 สามารถปรับปรุงเเคมเปญในอนาคตได้ดีขึ้น

4 เพิ่มโอกาสในการขาย

5 สามารถทำการตลาดเฉพาะเจาะจง และ ทำให้เกิดลูกค้าภักดีในระยะยาว

และหากใครที่กำลังต้องการทำความรู้จักกระบวนการจัดเตรียมข้อมูล และเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานเป็นเรื่องง่าย รวมทั้งกำลังหาแนวทางการเชื่อมข้อมูลเพื่อต่อยอดกระบวนการ Data Analytics รวมถึง การต่อยอดชุดข้อมูลให้ใช้ได้หลากหลายวิธีการ STEPS Academy มีหลักสูตร Data Analytics for Marketing Management มาฝากค่ะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://stepstraining.co/data-analytics-marketer

 

4 วิธีการจัดการข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบ 

หากคุณมีข้อมูลลูกค้าในมือ แต่ยังไม่รู้วิธีจัดการให้เป็นระบบ เราไปดู 4 วิธีการจัดการข้อมูลลูกค้าให้มีประสิทธิภาพดังนี้ค่ะ

1.  เก็บ Data ที่ได้รับการยินยอมจากลูกค้า

การทำการตลาดที่มีความโปร่งใส เป็นเรื่องสำคัญในการทำการตลาดยุคดิจิทัล เนื่องจากปัจจุบัน แบรนด์จะต้องเคารพ และ รักษาความเป็นส่วนตัวในด้านของข้อมูลของลูกค้า ซึ่งเราจะเห็นว่าในเว็บไซต์ต่าง ๆ จะมีการขอเก็บคุ้กกี้ หรือ เก็บข้อมูลดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อทำการตลาดต่อไปในภายภาคหน้า ซึ่งนอกจากความโปร่งใสแล้ว แบรนด์ยังได้ความเชื่อใจจากลูกค้าอีกด้วย โดยรูปแบบ Data สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

Customer Data ช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นทั้งความต้องการของลูกค้า ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญ รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภค

1.1 ข้อมูลทั่วไป (General Data)

ข้อมูลกว้าง ๆ ทั่วไปของลูกค้า เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ อีเมล ข้อมูลที่เกี่ยวกับช่องทางการใช้โซเชียลมีเดีย รวมทั้ง IP address หรือหน้าโพรไฟล์และ นอกจากนี้ ข้อมูลเจาะจงอื่น ๆ ที่สามารถเก็บมาวิเคราะห์เพื่อแยก Segmentation สามารถคัดกรองได้จาก รายได้ของลูกค้า ที่อยู่อาศัย สถานะโสด หรือ ทีครอบครัว

1.2 ข้อมูลที่เกี่ยวกับ Engagement ต่าง ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลของแบรนด์ (Engagement Data)

ข้อมูล Engagement คือข้อมูลที่กลุ่มเป้าหมาย หรือ ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ต่อแบรนด์ในทุก ๆ จุด Touchpoint โดยตั้งแต่เริ่มจนจบ เช่น จำนวนคลิกเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ จำนวนผู้เข้ามายังหน้า Lamding Page ตัวเลข Performance อื่น ๆ อย่าง CTR, CPC, Bounce Rate, Conversion Rate และ จำนวนคนที่เปิดอีเมล เป็นต้น

1.3 ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า (Behavioral Data)

ข้อมูลด้านพติกรรมของลูกค้าสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งบนเว็บไซต์ และ ช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยสามารถเลือกเก็บ Data ได้จาก

  • ประวัติการซื้อสินค้า
  • จำนวนคนที่ทิ่งตะกร้าสินค้าก่อนชำระเงิน
  • ยอด Subscriptions และยอดคนที่กลับมา Subscriptions
  • จำนวนผู้ที่ขอรับ Free Trials
  • วิธีการเข้ามายังหน้าเพจ หรือ หน้าเว็บไซต์

1.4 ข้อมูลที่แสดงออกในเชิงทัศนคติ (Attitudinal Data)

ข้อมูล Attitudinal Data หรือข้อมูลที่แสดงออกในเชิงทัศนคติ คือความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าคิดเกี่ยวกับแบรนด์ รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของธุรกิจ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มาจาก รีวิวคำติชมบนโลกออนไลน์ ความคิดเห็น หรือ ฟีดแบ็คที่ลูกค้ามีหลังการขาย

 

2. เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม

การจัดการข้อมูลแบบออฟไลน์ หรือ เก็บ Data อาจไม่ปลอดภัย หรือ ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ หากเรามี Data จำนวนมาก ดังนั้น การเลือกใช้เครื่องมือ หรือ ระบบซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับแบรนด์ ซึ่งนักการตลาดสามารถาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือเพื่อเปรียบเทียบราคา ฟังก์ชัน และ วิธีการนำเสนอข้อมูลได้อย่างถูกวิธี และ ตอบโจทย์มากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน อาจเลือกเครื่องมือซอฟต์แวร์ที่มีการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น และ สามารถยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย อย่าง Salesforce เพื่อช่วยให้นักการตลาดจัดการ Data โดยตรงจาก Service Cloud และ เพิ่มโปรไฟล์ CRM ของลูกค้าด้วยข้อมูลโซเชียล

หากแบรนด์มีขนาดเล็ก หรือ ไม่ได้มีหน้าร้านบนเว็บไซต์ก็สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ได้ หากแบรนด์มีการซื้อขายในช่องทางโซเชียลได้เช่นกัน ซึ่งสามารถใช้ระบบ Analytics หลังบ้าน เช่น business.facebook และ ระบบ Analytics ของ TikTok

ระบบ Analytics ของ TikTok

หากแบรนด์มีขนาดเล็ก หรือ ไม่ได้มีหน้าร้านบนเว็บไซต์ก็สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ได้ หากแบรนด์มีการซื้อขายในช่องทางโซเชียลได้เช่นกัน ซึ่งสามารถใช้ระบบ Analytics หลังบ้าน เช่น ระบบ Analytics ของ TikTok 

 

3. เลือกจัดประเภท Data ให้เป็นระบบ ง่ายต่อการนำมาใช้งาน

เนื่องจาก Data มีขนาดใหญ่ มาจากหลายช่องทาง และ หากเราดูข้อมูลย้อนหลังนั้น อาจพบว่าข้อมูลในมือมีจำนวนมหาศาลทำให้ยากต่อการนำมาต่อยอด ดังนั้น นักการตลาดควรจัดลำดับความสำคัญว่าต้องการ Data ประเภทไหนมาวิเคราะห์เพื่อทำความสะอาด Data ที่จำเป็นต่อการใช้งาน จัดระบบให้ง่ายต่อการค้นหา และ โฟกัสในสิ่งที่จำเป็นในการทำการตลาดครั้งต่อไป

ซึ่งข้อดีในอนาคตคือ นักการตลาดจะสามารถประหยัดเวลาในการดึง Data ออกมาใช้ได้สะดวกขึ้น และเมื่อการเก็บ Data เป็นระบบแล้ว เราสามารถอัปเดตข้อมูลได้ตรงกับประเภทที่ต้องการได้เร็วขึ้นอีกด้วย

เมื่อแบรนด์มีการจัดประเภท

 

4. อัปเดตข้อมูลสม่ำเสมอ

การอัปเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงเวลานั้น ๆ และเท่าทันความเป็นไปที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างบนหน้าเว็บไซต์ มี Performance อย่างไร และเข้าใจลูกค้าในทุกช่องทางออนไลน์ได้ดีขึ้น

สถิติด้านล่างนี้ เป็นสถิติจาก Databox เผยเกี่ยวกับความถี่ที่แบรนด์มักอัปเดตข้อมูลลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแบรนด์มักอัปเดต Data ในทุก ๆ เดือน

สถิติด้านล่างนี้ เป็นสถิติจาก Databox เผยเกี่ยวกับความถี่ที่แบรนด์มักอัปเดตข้อมูลลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแบรนด์มักอัปเดต Data ในทุก ๆ เดือน
สถิติด้านล่างนี้ เป็นสถิติจาก Databox เผยเกี่ยวกับความถี่ที่แบรนด์มักอัปเดตข้อมูลลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแบรนด์มักอัปเดต Data ในทุก ๆ เดือน

นอกจากนี้การคอยตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในระบบจะช่วยให้นักการตลาดทราบว่า ข้อมูลไหนจำเป็น หรือ ไม่มีความจำเป็นต่อการวางแผนกลยุทธ์ในอนาคต ทำให้การตัดสินใจเลือก Data มาประยุกต์ใช้กับแคมเปญใหม่ไวขึ้น โดยข้อมูลไหนที่ไม่จำเป็นก็สามารถลบออกไป เพื่อให้การจัดกลุ่มข้อมูล และการนำข้อมูลไปวิเคราะห์มีระเบียบ

ภาพด้านบน เป็นสถิติจาก Monkeylearn ระบุว่า Data Scientist ต้องใช้เวลากว่า 60% ในการทำความสะอาด Data
ภาพด้านบน เป็นสถิติจาก Monkeylearn ระบุว่า Data Scientist ต้องใช้เวลากว่า 60% ในการทำความสะอาด Data

และหากคุณเป็นนักการตลาด หรือ ผู้ประกอบการที่ต้องการเรียนรู้ และ ทดลองลงมือปฏิบัติในการทำ Data Analytics เพื่อปรับปรุงธุรกิจ STEPS Academy มีหลักสูตร Data Analytics for Marketing Management มาฝาก ซึ่งเหมาะกับการลงมือทำเวิร์กชอป และ เปิดโอกาสให้คุณได้ลงมือทำจริง ทำเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น สามารถนำไปปรับใช้ได้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างคอนเนคชั่นกับผู้เรียนท่านอื่นและทำความรู้จักกับวิทยากรมากยิ่งขึ้น

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://stepstraining.co/data-analytics-marketer

 

ข้อมูลจาก

Sproutsocial

Monkeylearn

Databox

 

 

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

10 ข้อดีที่แบรนด์ควรใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) 
รวม 5 Case Studies จากแบรนด์ดังที่นำ Data Analytics มาใช้ทำการตลาดดิจิทัล