อัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ ในด้านการตลาดกันแล้ว นักการตลาดหรือ Marketer ทั้งหลายควรอัพเดทเครื่องมือที่อาจช่วยให้การทํางานในทุกวันนี้ง่ายขึ้นหรือได้เทคนิคใหม่ๆ สร้างสรรค์งาน
ในบล็อกนี้เราจะมาพูดถึง 5 แนวทางที่นักการตลาดควรเริ่มใช้เครื่องมือ Generative AI ตั้งแต่วันนี้ เพราะอะไรทําไมต้องเริ่มใช้ แล้วถ้าไม่ใช้จะเกิดอะไรขึ้น?
1. การเขียนข้อความสําหรับทําการตลาด
Generative AI สร้างข้อความได้หลากหลายตามวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ ข้อความโฆษณา บล็อก หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงคําอธิบายสินค้าก็สามารถสร้างข้อความขึ้นมาได้โดยปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับแบรนด์ เครื่องมือ AI สามารถปรับแต่งข้อความตามภาษาที่ต้องการ เช่น
“ช่วยเขียนคําอธิบายบนช่องทางอินสตาแกรมให้ฉัน พร้อมแฮชแท็กที่เหมาะสม เพื่อบอกลูกค้าเกี่ยวกับ ข้อเสนอการจัดส่งฟรีและโปรโมชั่นของเราในเดือนนี้”
ซึ่งส่วนนี้เราสามารถใส่บริบทเข้าไปเพิ่มเติมเพื่อให้ เครื่องมือ AI ป้อนข้อมูลออกมาได้เหมาะสมตรงกับสิ่งที่เราอยากได้ เช่น “ในฐานะของนักการตลาด หรือในฐานะของนักเขียนคอนเทนต์” เป็นต้น
2. การคิดไอเดียใหม่ๆ
เครื่องมือ Generative AI เปรียบเสมือนคนในทีมที่ช่วยระดมความคิด เกิดเป็นไอเดียใหม่ๆ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งส่วนนี้ถือว่าเป็นข้อดีของการทํางานร่วมกับเครื่องมือ Generative AI โดยเริ่มจากการคุยกับเครื่องมือด้วยข้อความที่เรียบง่าย เช่น
“สวัสดี ในฐานะของนักการตลาด ขอไอเดีย 10 ไอเดียสําหรับโฆษณาร้านกาแฟใหม่ของเราหน่อย”
ซึ่งนี่เป็นเพียง basic prompt หรือชุดคําสั่งขั้นพื้นฐานที่ใครๆ ก็เขียนได้ เนื้อหาของแต่ละคนก็จะออกมาไม่ต่างกันมาก เพราะต้องเข้าใจว่ายิ่งคําสั่งละเอียดมากเท่าไหร่ AI ก็จะป้อนข้อมูลออกมาได้ตรงตามที่ต้องการมากเท่านั้น
ในส่วนของชุดคําสั่งที่มีประสิทธิภาพหรือ Effective Prompt นี้ มีสอนแบบจัดเต็มในคอร์ส ChatGPT for Content Marketing
เพราะชุดคําสั่งที่ดีสามารถนําไปสร้างสรรค์ต่อยอดเป็นผลงานที่มีคุณภาพได้อีกมากมายนับร้อยนับพันผลงาน
3. การสร้างโฆษณาในหลายๆ เวอร์ชั่น สําหรับลูกค้าที่แตกต่างกัน
ปัจจุบันมีการสร้างแคมเปญโฆษณาโดยปรับให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เช่น ปัจจุบัน Meta ได้สร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างโฆษณา Facebook โดยอัตโนมัติในหลายๆ เวอร์ชั่น ซึ่งในรูปแบบโฆษณาที่แตกต่างกันจะมีข้อความ รูปภาพที่แตกต่างกันด้วย
อีกทั้ง Linkedin เอง ได้มี Feature ใหม่ สําหรับนักการตลาด B2B ที่เรียกว่า Accelerate ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความเร็วในการตั้งค่าแคมเปญโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาโดยอัตโนมัติ
ซึ่งเครื่องมือ AI ถูกนํามาใช้งานในเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น รวมถึงฟังก์ชั่นการทํางานที่เกี่ยวกับการ Personalized ตัวอย่างเช่น Experience Cloud ของ Adobe คือชุดเครื่องมือต่างๆ รวมถึง Adobe Real Time Customer Data Platform, Adobe Analytics เครื่องมือทั้งหมดนี้ล้วนใช้ AI เป็นตัวป้อนข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับการเดินทาง พฤติกรรม และการมีส่วนร่วมของลูกค้า
ซึ่งเมื่อนําข้อมูลที่ได้จาก AI มารวมกับข้อมูลที่มี นักการตลาดเองจะสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีความเป็นส่วนตัวที่แบ่งตามกลุ่มลูกค้าไปได้อีก
4. Analyzing Sentiment
ปัจจุบันเริ่มมีการใช้เครื่องมือ AI ในเชิงการวิเคราะห์ความรู้สึกได้ เช่น ใช้วิเคราะห์การกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อดูว่าข้อความที่กล่าวถึงทั้งหมดนั้นเป็นในเชิงบวกหรือเชิงลบหรือเป็นกลาง รวมถึงการใช้ AI ช่วยตอบแชท ภายในระยะเวลาอันสั้น ถามตอบข้อมูลและให้คําตอบในเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น ก็เป็นสิ่งที่หลายๆแบรนด์เริ่มนํามาปรับใช้กัน
หมายความว่า ทุกวันนี้เราแทบไม่จําเป็นต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกแล้ว เราแค่ต้องปรับตัวทํางานร่วมกับ AI และใช้ AI ให้ถูกที่ถูกทาง อุดรอยรั่วของงานบางลักษณะที่ใช้เครื่องมือ AI ทดแทนคนได้
5. ส่วนสุดท้ายคือการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าอย่างเป็นส่วนตัว
นอกจาก Generative AI จะสร้างโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังสามารถนํามาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ได้ความเป็นส่วนตัว Personalized ตามแต่ละคนได้อีก เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ในยุคของการปรับเปลี่ยนการตลาดที่จําเป็นต้องปรับแต่งตามบุคคลมากขึ้น ความสามารถในการสร้างสรรค์รูปภาพ ข้อความ รูปแบบของวิดีโอ ความรวดเร็วตอบสนองเทรนด์การตลาดก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สําคัญ ดังนั้น อยากให้ทุกคนคิดว่า Generative AI นอกจากจะประหยัดทั้งเวลาและอาจประหยัดเงินได้บ้างในบางส่วน ก็ยังเป็นวิธีในการส่งเสริมนวัตกรรมทางการตลาดให้ทันสมัยยิ่งขึ้นได้อีกเช่นกัน
ลงทุนกับการเรียนรู้ในการทํางานร่วมกับ AI ได้แล้ววันนี้ กับคอร์ส ChatGPT for Content Marketing
บทสรุป
แนวทางที่นักการตลาดควรทํางานร่วมกับ Generative AI
1. การเขียนข้อความสําหรับทําการตลาด
2. การคิดไอเดียใหม่ๆ
3. การสร้างโฆษณาในหลายๆ เวอร์ชั่น สําหรับลูกค้าที่แตกต่างกัน
4. Analyzing Sentiment
5. การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าอย่างเป็นส่วนตัว
ฝากติดตามเนื้อหาความรู้ที่อัพเดทจากทีมงาน STEPS Academy ในบล็อกถัดไปด้วยนะคะ 🙂