Traditional marketing vs Digital marketing

ในวันที่คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาว วัยรุ่น หรือคนทำงาน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ถ้าคุณยังทำการตลาดแบบเดิมอยู่ คู่แข่งของคุณอาจรวบลูกค้าทางช่องออนไลน์ ไปหมดแล้ว วันนี้เรา ทีมคอนเท้นต์ Digital Marketing ของ STEPS Training พาคุณมาพบกับ คุณจิ๊บ สุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล ผู้ก่อตั้งและเป็น นักวางกลยุทธ์การตลาด ของ BrandBaker ที่จะแบ่งปันเรื่อง “เปลี่ยนมุมมองการตลาดแบบเดิมๆ สู่โลกของ Digital Marketing”

Digital Marketing มันต่างจาก Marketing ทั่วๆไปอย่างไร ในโลกของ Digital Marketing ที่เราควรเรียนรู้และทำความเข้าใจ??

ถ้าเรามอง Digital Marketing ถ้าเรามองในมุมมอง Marketing ทั้งหมด เราจะเห็นว่า Marketing ทั้งหมดนั้น Digital ก็สามารถทำได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เราบอกว่า Marketing มันเป็น Two-way Communication (การสื่อสารกับผู้บริโภคแบบไปกลับ) ยกตัวอย่างเช่นเราทำอีเว้นท์ มันก็เป็น Two-way Communication กับ Consumer แต่ Digital Marketing สามารถทำสิ่งที่ Marketing รูปแบบเดิม ไม่สามารถทำได้ แบ่งออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ๆคือ Scale กับ Speed

ข้อแรก คือ Digital Marketing มันมี Scale ซึ่งแปลว่า เราสามารถทำ Two-way Communication กับคนเป็นล้านๆคนได้ ซึ่งการโฆษณาแบบ Offline ปกติมันทำไม่ได้ หรืออีกตัวอย่างนึง พวก TVC (Television commercial) ก็เป็น Video Content ทั้งหมด รายการทีวีก็เป็น TV Content ทั้งหมด แต่ทำไม Live ของรายการ The Mask Singer มันดัง สรุปคือ Digital Marketing สามารถสื่อสาร Scale ใหญ่ที่เข้าถึงกลุ่มคนได้มาก

ข้อที่สองคือ Speed หรือความเร็ว ในที่นี้เราพูดถึงความเร็วในการเข้าถึงคน ยกตัวอย่างเช่นเราจะโฆษณาบนหนังสือสักเล่มหนึ่ง แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ก็ตาม เราอยากลงโฆษณาเราต้องคุยล่วงหน้ากับทางเจ้าของสื่อ เพื่อบอกว่า วันนี้ฉันจะลงนะ แล้วต้องส่ง Artwork ก่อน 1-2 วันก่อนจะลง แต่ถ้าเป็น Digital อยากลง 5 นาทีก็ขึ้นได้เลย

เพราะฉะนั้นสองคำที่ทำให้ Digital ต่างกับ Marketing ทั่วไปคือ Speed กับ Scale ในทางกลับกันเมื่อมี Speed กับ Scale เข้ามา มันก็จะเป็นความท้าทายของนักการตลาดว่า Speed ที่มันเร็วมากกับ Scale ที่มันใหญ่มาก เราจะสามารถสร้างความแตกต่างหรือดึงความสนใจจากคนทั่วไปได้อย่างไรซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องคิดคำตอบ

ถ้าเราอยู่ในโลก Digital ที่คนเราสามารถสร้าง Content เป็นของตัวเองได้ด้วยความเร็วและสามารถเข้าถึงคนได้กว้างมาก (Facebook Live เป็นหมื่นๆคนในเวลาเดียวกัน) เราจะทำยังไงให้คนที่เป็นลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสนใจและหยุดอยู่กับเราได้อย่างไร??

ก่อนอื่นเราต้องกลับมาตอบโจทย์ที่ว่า

  1. Insight เรารู้จักเขาพอไหม เขาเป็นใคร ผู้ชาย/ผู้หญิง ความชอบของเขาคืออะไร ปัญหาของเขาคืออะไร
  2. แบรนด์ของเรามีอะไรตอบโจทย์เขาบ้าง
  3. เราสร้างคุณค่าอะไรที่ทำให้คนอยากจะอยู่ กดดู กดแชร์หรือมาคอนเม้นกับเรา

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะช่วยให้เราตอบโจทย์ Scale กับ Speed ได้ เราจะหาคุณค่าที่ลูกค้าอยากได้และเป็นประโยชน์กับเขาได้อย่างไร

 

Digital มันมีเครื่องมือหรืออะไรที่น่าสนใจและตอบโจทย์ทางการตลาด?

จริงๆ มีเยอะมากนะครับ เริ่มตั้งแต่ว่า Location Base สมัยก่อนเราจะคิดว่าสิ่งที่สามารถทำได้คือแค่เช็คอิน แล้วก็ทำแฮชแท็ก แต่เดี๋ยวนี้ เครื่องมือในการทำการตลาดฉลาดถึงกับว่า เรารู้ว่าคนนี้เขากำลังอยู่ที่เกษตรแฟร์ เราสามารถคุยกับคนที่อยู่เกษตรแฟร์ตอนนี้ได้เลย Speed ของ Digital มันทำได้ ความแม่นยำของ Digital ทำได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นโจทย์และเทคโนโลยีต่างๆซึ่งมันมีเยอะๆมาก ซึ่งศัพท์มันเยอะไปหมดเลยเช่น Marketing Automation, Location Base Marketing, Connective Marketing และคนก็พยายามสร้างสรรค์คำใหม่ๆ และความท้าทาย คำถามคือ Marketing ควรใช้เครื่องมืออะไรดี ผมก็จะบอกว่า เริ่มต้นเราไม่ต้องไปสนใจเครื่องมือหรอก ย้อนกลับไปเรื่องเดิมก่อนว่า คุณค่าสำหรับลูกค้า เครื่องมือใหม่ๆนั้นตอบคุณค่าของลูกค้าอยู่สามแบบได้อย่างไร

  1. Personalize คือ เราสามารถให้สิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ ในแบบที่เหมาะกับเขาจริงๆ ในเวลาที่เหมาะกับเขาจริงๆ ซึ่งคำว่าเวลากับสถานที่มันจะมาเป็นคำที่สองคือ
  2. Instant คนอยู่เกษตรแฟร์ อากาศร้อน เราเลยโฆษณาเครื่องดื่ม ซึ่งก็คือการโฆษณาตามจังหวะหรือสถานการณ์นั้นเลย
  3. Experience ตัวอย่างเช่น VR เป็นส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเราสามารถเอาแนวคิดของคนที่อยู่บนออนไลน์มาทำ 3D Printing เราสามารถทำ Internet of Thing (การเชื่อมต่อ Smart devices เข้ากับอินเตอร์เน็ต) เราสามารถทำ Tactile feedback (การรับรู้ผ่านการสัมผัส) เราสามารถที่จะส่งแรงสั่นผ่านออนไลน์ได้ มันทำอะไรได้เยอะมาก ซึ่งนั่นคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งโดยสรุป 3 คำเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี คือ Personalize, Instant และ Experience

ซึ่ง 3 คำนี้ให้คิดก่อนว่าจะสร้าง Personalize อะไรให้กับ Consumer จะทำอะไรที่ตอบโจทย์ Consumer ในทันทีทันใด ตามจังหวะที่เขาต้องการ และจะสร้างประสบการณ์อะไร แล้วเราค่อยมาเลือก ซึ่งถ้าโจทย์สามข้อนี้ชัด เราจะรู้แล้วว่าเครื่องมือที่มี เครื่องมือไหนตอบโจทย์เราได้บ้าง

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

10 เหตุผลทำไมนักการตลาดต้องมีทักษะ Digital Marketing
5 แหล่งความรู้เสริมทักษะ Digital Marketing ที่คุณควรติดตามในปี 2017